วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ความทรงจำเกี่ยวกับตา


นายถาวร สร้อยจำปา

ตาถาวร สร้อยจำปา ตายไปตั้งแต่อายุดิฉันขึ้นต้นด้วยเลข ๑
ความทรงจำเกี่ยวกับตาจึงค่อนข้างจะลางเลือน
จำได้แม่นเฉพาะรูปที่ติดอยู่กับฝาบ้านยาย
แล้วก็คลับคล้ายคลับคลากับบุคลิกที่น้าผู้ชายคนเดียวที่มีถอดมาเป๊ะ
(น้องชายเราดันไปเหมือนน้าได้เฉยเลย)

ตาเป็นมอญ เป็นคนเขียนหนังสือสวย เป็นคนถี่ถ้วน และเป็น wind beneath ยาย's wings
กลับบ้านคราวนี้ไปเที่ยวบ้านน้า ซึ่งเป็นหลังเดียวกับบ้านยายน่ะแหละ
น้าค้นลิ้นชักโต๊ะไม้เก่าคร่ำคร่าตัวนึง แล้วส่งของสองสิ่งให้ดู
หนึ่งในนั้นเป็นบัตรประจำตัวประชาชนของตา
อีกสิ่งเป็นสมุดบันทึกประจำวัน ช่วงปี ๒๕๒๗ ของตา

เปิดอ่านไปหลายหน้า
พบอุปนิสัยละเอียด ประหยัด และโอบอ้อมอารีของตา
บังเอิญเจอหน้าที่ตาเขียนถึงเราด้วย เลยบันทึกรูปไว้เป็นที่ระลึก

50 ความคิดเห็น:

  1. ตอนนั้นแกก็ประมาณ ป.3 สินะ
    ดีจังเลยแกมีอะไรแบบนี้ด้วย
    ชั้นเคยเจอคำสอนที่พ่อเขียนไว้ว่าจะต้องสอนลูกยังไง อ่านแล้วรู้เลยว่าพ่อตั้งใจเลี้ยงดูเรามากๆ
    แต่ว่าตอนนี้หาไม่เจอแล้ว ^^

    ตอบลบ
  2. เอิ่ม..น้าคะ
    ไม่ต้องช่วยคำนวณอายุก้อได้ค่ะ

    เห็นข้อดีของไดอารี่ไหมล่ะแก?

    ตอบลบ
  3. แล้วอีกหน่อย
    เลมันคงต้องมีดูในมัลติพลาย ว่าแม่ทำบล็อคอะไรไว้มั่ง
    ไม่ได้เขียนไดอารี่นานมั่กแล้วอ่ะ

    ตอบลบ
  4. ตาเค้าหน้าโบราณอะ
    แม่ม้อยน่ะ หน้าเหมือนตา สาวๆ สวยเชียว มีเค้าสาวมอญนิดนึง
    ทำไมเราไม่หน้าแบบนี้มามั่งนะ
    สักนิดสักหน่อยก็คงจะดี
    เผื่อหน้าตาจะช่วยให้ขายออกมั่ง

    ตอบลบ
  5. อยู่คนเดียวก็ดีอยู่แล้ว
    อย่าหาห่วงมาผูกคอเล้ย

    ตอบลบ
  6. พี่ว่า เลจะคิดไง
    เหมือน เรื่องส่วนตัวของเลมีคนรับรู้เยอะแยะ

    ผมว่ามีไดอารี่ก็ดี
    มันมีบรรยากาศของการรื้อค้น เปิดกล่องเปื้อนฝุ่นแล้วเจอ (หรือว่าคนรุ่นใหม่เขาชอบค้นในฮาร์ดดิส ในเน็ทกัน)
    เหมือนเป็นเรื่องลับๆที่คนเขียนกะว่าจะอ่านคนเดียว หรือไม่ก็คาดว่ากว่าจะมีอีกคนมาค้นอ่านก็คงอีกนาน

    Bridge of Madison ไง

    ตอบลบ


  7. ลายมือ เหมือน คุณปู่ ของบุ๋มเลย

    ลายมือ มี Trend ด้วยหรอเนี่ย แต่ คุณปู่ บุ่มเขียนเลขไทย ล่ะ อิอิ

    ตอบลบ
  8. มีระเบียบมากๆ เลยนะคะ

    ตอบลบ
  9. เจ๋....
    จำไ้ด้ป่าว ว่าเขียนไรถึงคุณตา..
    ..
    ลายมือนะ..เหมือนพ่อกุลเดี๋ยะเลย มาเป็นเทรนด์แหงๆๆ
    ...
    ว่าแต่ คุณตาเจ๋พูดเพราะมากเลยค่ะ

    ตอบลบ
  10. ม้อยเคยอยู่ศรีดอนไชยเหรอ
    เราเคยไปอยู่บ้านญาติที่ศรีดอนไชยตอนเด็กๆ
    บ้านใกล้สุริวงศ์บุ๊คสโตร์ เดินไปทุกวันเลย เพราะไม่มีอะไรทำ -_-"

    ตอบลบ
  11. เลจะอายมั๊ยอ่ะ
    เอ...หรือพี่ไม่ควรโพสเรื่องส่วนตัวเลดี

    ตอบลบ
  12. แต่พี่ไม่ชอบเขียนไดอารี
    เคยเขียนแล้วมีคนเอาไปอ่าน เซ็งเป็ด

    เขียนอย่างมากก็แค่ไปไหน ทำอะไร เรื่องในใจอยู่ในใจอย่างเดียว
    อย่ามาหาซะให้ยาก

    Bridge of Madison น่ะ ชอบมั่กเลย

    ตอบลบ
  13. เกิดไม่ทันตาอะ แกเสียก่อนผมเกิด
    ตาชื่อ เขียว ถ้าเรียกตาเขียว เหมือนจะโดนใครชกมารึเปล่า
    ไม่รู้ว่า ถ้าตายังอยู่ จะยังชอบ สมัคร อยู่รึเปล่า
    ได้ยินแม่เล่าว่า ตาแกชอบสมัคร สมัยยังอยู่กับประชาธิปัตย์
    แต่มันนานแล้ว เพราะสมัยผมยังไม่เกิด

    ตอบลบ
  14. จำไม่ได้หรอกกุลว่าเขียนอะไร
    สงสัยจะเขียนตามคำบอกเสียละมากกว่า

    คนรุ่นตารุ่นยายน่ะ นอกจากพูดเพราะแล้วยังใช้ศัพท์เยอะด้วยนะ
    เวลาคุยกะแกน่ะ อัศจรรย์ใจมาก เหมือนเราใช้คำศัพท์อยู่แค่ ๔๐% ของคนรุ่นยายใช้

    แต่อย่าให้ยายด่าเชียวนะ
    เหอ เหอ

    ตอบลบ
  15. บ้านเราอยู่ซอยที่มีร้านหน้าปากซอยชื่อ ม.แกะสลัก อ่ะ
    คุณต้น นี่เราอาจจะเคยเจอกันตอนเด็กๆ ก็ได้นะ
    บางทีจะเป็นในสุริวงศ์บุ๊คนี่แหละ

    ชอบเนอะ
    เป็นร้านหนังสือที่ไฮโซมั่กเลย

    ตอบลบ
  16. พี่
    คิดจะทำอะไรก็ทำไป
    อย่าไปสนใจกรมันมาก
    คนเราคิดไม่เหมือนกันหรอก

    ม้อยว่าเลจะอะเมซิ่งสิ่งที่ทำไปตอนเด็กมากกว่า
    ทุกวันนี้เวลาแม่กะน้าคุยกันว่าตอนเด็กๆ ม้อยมีวีรกรรมอะไรน่ะ
    สนุกจะตายไป

    ตอบลบ
  17. จริงๆ ชอบเขียนไดอารี่มาก
    แล้วถ้ามีคนแอบอ่านโดยที่เราไม่รู้ก็คงไม่เป็นไร
    ่แต่ไอ้คนที่มาอ่านแล้วเจือกเอาข้อความที่เราเขียนมาอ้าง มาทำน้อยใจนี่เกลียดนัก

    อยากถีบให้กระเด็น

    ตอบลบ
  18. แล้วศุภวรรณ มาเป็น รันตี ได้ไง ง่ะ

    ตอบลบ
  19. ตอนนี้ เบียร์ช้างซื้อไปแล้วครับ สุริวงศ์บุ๊ค หนะ
    ที่ดินแถวนั้น ถูกเบียร์ช้าง กว้านไปหลายแล้วครับ

    ตอบลบ
  20. รันตีเป็นชื่อแม่น้ำ ณ สถานที่ที่ประทับใจ
    ปัจจุบันใช้เป็นนามแฝง
    แต่ถ้าวันหนึ่งมีลูกสาว ก็จะให้ชื่อเด็กหญิงรันตี

    ตอบลบ
  21. ให้สนใจเลไง
    ไม่ต้องสนใจข้าหรอก
    เพราะอย่างที่เอ็งบอกว่า คนเราคิดไม่เหมือนกัน
    จะรู้ได้ไงว่าเลคิดไง

    หรือว่าจะทำอย่างที่ทำ คือ เอาเลมาอ่าน มาเม้นท์ด้วย เขาจะได้รับรู้ตั้งแต่ตอนนี้

    ตอบลบ
  22. พี่แอนเค้าก็ให้เลมาดูด้วยบ่อยๆ
    ในอัลบั้มของข้าหลายอัน เลเค้ายังเป็นคนเม้นท์เลย
    เฮดช็อตเลก็เม้นท์
    ชอบอันไหน ไม่ชอบอันไหนยังเคยรู้เลย

    ป.ล. ข้าว่าเล ในฐานะลูกพี่แอนกับพี่หนุ่มน่าจะเป็นอะไรที่เป็นเด็กที่มีพี่ป้าน้าอามากน่ะ
    โลกส่วนตัวเลมันก็คงมีอะนะ แต่ข้าเชื่อว่ามันคงไม่ใช่เด็กหวงโลกส่วนตัวแบบว่า ม๊ากมาก สุดๆๆๆๆๆ ของที่สุดหรอก
    พ่อแม่สอนเลให้แชร์ (share) มาตั้งแต่รู้ความ

    ป.ล. รีพลายอันนี้ไม่ได้ว่ากระทบเอ็งหรอก
    เอ็งก็คิดมากไปนะ เรื่องเล
    หรือเอ็งจะตกใจว่าข้าก็เปิดเผยมากไปในมัลติพลาย?

    ป.ล. ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ข้าก็หวงโลกส่วนตัวเหมือนกัน และข้าเชื่อว่า โลกมัลติพลายของคนคนหนึ่ง มันเป็นโลกคนละใบกับโลกส่วนตัวของเขาว่ะ

    ตอบลบ
  23. จริงๆ เคยคิดจะถามตั้งนานแล้วแหละ แต่ไม่รู้จะถามยังไงว่ะ
    พอดีได้โอกาสก็เลยถาม

    ถามเฉยๆ......

    ตอบลบ
  24. ถามข้าน่ะหรอ
    ถามใหม่อีกทีซิ จะตอบให้

    ตอบลบ
  25. รู้ยังเค้าเปลี่ยนมือกิจการแล้วนะ

    ตอบลบ
  26. ถามอะไร
    ถามใคร

    นี่เจ้งงและเนี่ย

    อย่าทะเลาะกันเรื่องเลเลย

    จริง ๆเรื่องอัพเรื่องราวของเลน่ะ
    ตอนแรกกะอัพไว้เป็นบันทึกเรื่องราวของเล เพราะรูปส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อัดออกมาเป็นภาพ
    ไม่ได้คิดว่าจะมีคนเข้ามาเมนท์ มาอ่าน (ไม่ได้สนใจตรงนั้นเลยด้วยซ้ำ)

    แต่พออัพรูปไปก็มีคนเข้ามาดู มาอ่านเยอะ เราก็ต้องตอบตามมารยาทสังคม ใช่ปะ
    แต่พอเวลาผ่านไปนาน ๆ มีคนเข้ามาบอกว่า
    เลทำให้คนอ่านยิ้มได้ มีความสุข มีกำลังใจ
    ก็เลยรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถ้าเรื่องของเลมันจะแพร่หลายไปในวงกว้าง (ถ้ามันทำให้คนอ่านมีความสุข)

    เรื่องความเป็นส่วนตัว
    พี่ว่าพี่มีมากกว่าคนปกตินะ คือเพื่อนน้อย และไม่ปรารถนาเพื่อนเพิ่ม ไม่ชอบคนเยอะ เข้าถึงยากอยู่
    การมาเล่นมัลติพลาย มีเพื่อนเพิ่ม และเป็นเพื่อนที่เข้ามาด้วยความปรารถนาดีให้ทะเล พี่ก็โอนะ
    อาจมีรู้สึกแปลก ๆมั่งเป็นธรรมดาของคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วมาคุยกัน
    แต่พี่ก็มั่นใจว่าถ้าเค้าชอบทะล มันก็น่าจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ

    สำหรับเรื่องส่วนตัวเล อันเนื่องจากยังเป็นเด็ก
    เรื่องส่วนตัวของเล พี่ว่ามันก็เหมือนเรื่องส่วนตัวเด็กทั่วไปแหละ มันไม่ได้มีอะไรซ้ำซ้อน เสียหาย

    ส่วนเรื่องเมื่อเลโตแล้วจะมาอ่านที่แม่เขียนไว้มั๊ย
    พี่ว่าพอถึงตอนนั้น มัลติพลายอาจปิดหรืออาจไม่มีแล้วก็ได้ใครจะไปรู้

    ชีวิตคนเราสั้นนัก
    อย่าไปเสียเวลากับปัญหาที่มันไม่ได้ช่วยอะไร
    ข้าม ๆไปมั่งก็ได้

    ตอบลบ
  27. ไม่ต้องห่วง ได้ถามเลแล้ว
    แม่บอกว่า เรื่องของเลที่ไปทำบุญ ไปโรงเรียน แล้วแม่เขียนเป็นจดหมายให้คนอื่น ๆ เข้ามาอ่าน
    เค้าจะได้รู้เรื่องของทะเล รู้เรื่องในบ้านของเรา เลไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องเลป่ะ

    เลบอกว่า ให้รู้ได้

    แต่เลก็ยังเล็กเกินไปจริง ๆแหละ
    เอาไว้พี่จะอธิบายอีกทีนะ

    ตอบลบ
  28. เอ..ไม่ได้กะให้ซีเรียสถึงขนาดนี้

    "ชีวิตคนเราสั้นนัก
    อย่าไปเสียเวลากับปัญหาที่มันไม่ได้ช่วยอะไร
    ข้าม ๆไปมั่งก็ได้"

    ตอบลบ
  29. ข้อสังเกต
    ๑.กอนโดล่าซีเรียสจริง แต่คงจะแค่สงสัยว่าเลจะแฮปปี้ไหมที่มีคนรู้จักกันทั้งเมือง
    ๒.จากข้อ ๑ หากวันหนึ่งกอนโดล่ามีลูกเป็นของตัวเอง หวังว่าเขาจะ flexible เข้าไว้
    ๓.พี่แอนตอบดีจัง
    ๔.ชอบอ่านเรื่องเลนะ
    ๕.เห็นด้วยเรื่องมัลติพลายมันจะอยู่ไปอีกกี่ปี (หวังว่าคงจะอยู่จนเลอ่านหนังสือออก)


    ป.ล. ในความรู้สึกของคนที่ยังเป็นลูกอยู่ แต่ลืมเรื่องตอนเล็กๆ หมดแล้ว อยากให้แม่เขียนบันทึกเรื่องกระจุกกระจิก และถ่ายรูปไว้เยอะๆ มั่งจัง

    ตอบลบ

  30. กอนโดล่า คิดอยากมีลูกมั่งมั๊ยอ่ะ


    ตอบลบ
  31. คิดอยากมีลูกมั่งมั๊ย
    คิด ดิ
    ถ้ามีก็คงดี ถึงจะมีอะไรที่ต้องเสียบ้าง
    แต่มันต้องดีแน่ๆ

    ปล. ระวังอีกหน่อย multiply จะเก็บตังค์เวลาเราเข้าไปดูไฟล์เก่าๆ
    คิดดูผ่านไปสักสิบยี่สิบปี ไอ้ที่เราเขียนๆ ฝากไว้ในนี้ มันคงมีค่า
    กลายเป็นว่า multiply เก็บเรื่องราวของเราไว้ และต้องเสียตังค์เพื่ออ่านเรื่องของตัวเอง

    ตอบลบ
  32. ชี้โพรงให้กระรอกซะแร้ว

    ป.ล. ไหนเคยบอกว่าไม่อยากมีไง

    ตอบลบ
  33. คิดไง เคยคิด
    แล้วก็เชื่อว่ามีลูกนี่ น่าจะดี
    คือ คงมีอะไรดีๆที่เรานึกไม่ถึงนะ

    ตอบลบ
  34. เออ..คงจะดีแน่
    เพราะอย่างน้อย
    เอ็งต้องมีเมียก่อน

    คิคิ

    ตอบลบ
  35. ทำไมคนยุคก่อนลายมือสวยเหมือนกันหมดนะ
    ลายมือเหมือนลายมือพ่อเลย

    ตอบลบ
  36. ภาพยังชัดอยู่เลย ใช้กล้องอะไรสมัยนั้น

    ตอบลบ
  37. ตาชั้นก็ชอบเขียนบันทึก โดยเฉพาะเรื่องดินฟ้าอากาศ ลายมือเป็นแนวเดียวกับตาแกแหละ
    ชั้นเรียนรู้อะไรจากเขาเยอะเหมือนกัน เช่น การเล่นหมากรุก หมากฮอส ยิงปืน ดีดลูกคิด(แต่ตอนนี้ลืมหมดแหล่ว)

    ตอบลบ
  38. เออ ชั้นโตไม่ทัน
    แล้วก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับตาว่ะ ป้า
    ไม่งั้นชั้นอาจจะชอบตามากๆ ติดตามากกว่านี้
    พวกแม่ๆ น้าๆ รักตาอย่างนึง รักยายอีกอย่างน่ะ

    ตอบลบ
  39. ที่น่าสงสัยคือ
    คนยุคนี้ลายมือกลายเป็นแบบนี้กันตั้งแต่เมื่อไหร่

    ตอบลบ
  40. ทำไมลายมือคนแบ่งเป็นยุคๆ ได้

    หรือ อุปกรณ์ในการเขียน จะมีผล
    หรือ วิธีการเรียนการสอน จะมีผล

    ตอบลบ
  41. ข้าว่า ฟ้อนต์คำบรรยายในการ์ตูนมีส่วนอย่างมั่ก

    ป.ล. ข้าอ่านหนังสือออกได้ด้วยการ์ตูนโดราเอมอน ที่แม่เช่ามาให้อ่าน
    ถัดจากยุคโดราเอมอนก็ก้าวเข้าสู่ยุคนิยายเลย

    ตอบลบ
  42. ตอนนี้ต้องเตรียมพร้อมก่อนมีลูก(และเมีย)ก่อน
    ไม่งั้นจะเกิดอาการช็อค ปรับตัวไม่ทัน

    ก็เคยนอนคนเดียว ต้องมาแบ่งเตียงให้ใครไม่รุนอนด้วยอีกหนึ่ง
    แล้วถ้ามีลูกนี่
    ทุกอย่าง(ลูก)เข้ามามีส่วนร่วมด้วยหมดเลย

    ตอบลบ
  43. บางคนเค้าก็มีลูกอย่างเดียว
    ไม่เอาเมียก็มีถมไป

    ตอบลบ
  44. คุณตาลายมือสวยมากครับ

    ตอบลบ
  45. ยุคก่อน อ่านเรียนเขียน จากวัด มิใช่ฤา สำนักที่สอน จึงมีรากฐานมาจากที่เดียวกันทั่วประเทศ ตัวหนังสือ จึงเหมือนกัน
    กอปรกับ คนยุคก่อน มีอุปนิสัย ที่ สงบสุขุม มักคิดก่อนทำ หนักแน่น ดังที่ถ่ายทอดลงมาเป็นลายเส้น

    ถ้าจะให้ ตั้งข้อสังเกตุ จุดตั้งต้นของการเปลี่ยนลายมือ คงเริ่มเมื่อ ร้อยปีก่อน ตอนปฎิรูปการศึกษาครั้งแรก
    ตอนแรกๆ ลายมือก็ยังดีอยู่ เพราะ คนที่สอน ยัีงเป็นคนแบบเก่าอยู่ มีการใช้ ไม้เรียว ใช้การทำโทษ ให้หลาบจำอยู่

    อีกส่วน ลายมือเริ่มเปลี่ยนจากเดิม ก็ตรงที่ การใช้เครื่องเขียน สมัยใหม่ เดิม เริ่มเขียนด้วย ดินสอ ดินสอแท่งใหญ่ๆ ที่ต้องเหลากันด้วยมีด หรือ กบเหลาดินสอ เนื่องจาก ใส้ดินสอใหญ่ เด็กๆ ที่ลาก ก็ต้องใช้แรง และตั้งใจ ตัวหนังสือก็เลยตัวใหญ่ ก่อนพัฒนาไปเป็นดินสอแบบพร้อมเปลี่ยนใส้ ที่เรียกกันติดปากในเด็กยุคนั้นว่า ดินสอ อพอลโล่ เมื่อใส่ไม่แหลม ก็ ดึงออก ไปใส่ด้านท้าย ก็จะดัน อันใหม่ ที่แหลม ออกมา สมัยนี้ ก็ยังมีขายอยู่ คาดว่า น่าจะค้างสต๊อก สมัยถัดมาก็จะเป็นดินสอ แบบใส้เล็ก แบบเติมใส้ดินสอใหม่ได้ ที่เรียกกันว่า ดินสอกด เพราะ ต้องกดๆ ใส้ดินสอถึงออกมาให้เขียนได้ อันนี้เด็กๆ ชอบเพราะไม่ต้องเหลาดินสอ ขนาดที่นิยมใช้ก็เป็น 0.5 มม. บางคนก็เรียก ปากกาดินสอ เพราะ วัสดุ ที่ใช้ทำตัวดินสอ เป็นแบบเดียวกันกับที่ใช้ทำปากกา ความเล็กทำให้ เขียนตัวหนังสือได้เล็ก หลีกเลี่ยงรายละเอียดของตัวอักษร ไปได้

    ปากกา ก็เป็น อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวหนังสือเปลี่ยนไป สมัยก่อน หลังจากเขียนตัวหนังสือด้วยดินสอกันเก่งแล้ว ที่ใช้ดินสอ คงเพราะว่า เด็กๆ เขียนผิดบ่อย เรื่องการสะกดคำ ยังไม่เก่ง ใช้ดินสอ ลบได้ง่ายหน่อย พอเริ่มเขียนเก่งแล้ว คำผิดน้อยแล้ว ก็จะได้ เริ่มใช้ปากกา การใช้ปากกา เป็น การเลื่ิอนระดับชั้นเลยก็ว่าได้ ทำให้เด็กๆ รู้สึกว่า เป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย แต่เสื้อผ้าก็เลอะเยอะเหมือนกัน

    สมัยแรกๆ จะเป็นการใช้ปากกาคอแร้ง จิ้มหมึก แล้วมาหัดเขียนตัวหนังสือ พอหมด ก็จิ้มหมึกใหม่เขียนไปเรื่อยๆ ลองคิดดูว่า ต้องมีขวดหมึกกับปากกา ขนนก(แบบในหนัง) แต่มาบ้านเราเป็น ด้ามไม้ กับเด็กๆ เนี้ยะ มันจะยุ่งและวุ่นวายซักแค่ไหน ถ้ามีคนไหนซน ก็ต้องมีการเลอะ ทั้งข้าวของเสื้อผ้า
    ยุคผม เป็นปากกาหมึกซึม มีการนำปากกาคอแร้งมารวมเข้ากับ กระเปาะที่ใช้เก็บหมึกไว้ข้างใน ทำให้เขียนได้นานกว่า การใช้ปากกาคอแร้ง แต่ก็มีบางคนที่ต้องเอาหมึกมาด้วย เผื่อในกรณีหมึกหมด ผมใช้ปากกาคอแร้งของจีนแดง ซื้อที่ร้านลิขิตศิลป์ ตอนนั้นร้านตั้งอยู่แถวตลาดช้างเผือก แต่เรื่องการเลอะ ไม่ได้ ลดน้อยไปกว่าสมัยก่อนเลย บางคนใส่ปากกาไว้ในกางเกง เพราะ กลัวหาย แต่วิ่งเล่นไปมา ปลอกปากกาหลุย กางเกง ก็จะเข้มเป็นดวงๆ ส่วนคนที่เอาไว้ในกระเป๋าเสื้อ แล้ว ปากกา หมึกรั่วก็จะได้ เสื้อ ที่มีลายสวยๆ กลับบ้านแทน ยุคปากกาหมึกซึมนี้ ทำให้ตัวหนังสือสวยอยู่นะครับ เพราะ การลากปากกา ผ่านกระดาษ ต้องตั้งใจมากเลย ไม่งั้น ความคมของปากกา อาจบาดกระดาษจนขาดได้ ลายมือ ยังดีอยู่
    ก่อนจะขึ้น ม.๑ เราจะได้ ใช้ปากกาที่ทันสมัยที่สุด เพราะ ไม่ต้องเติมหมึก ไม่ต้องกลัวหมึกที่เขียน จะละลาย เมื่อถูกน้ำ พกง่าย ราคาไม่แพง ที่สำคัญ ประเทศมหาอำนาจ เสียค่าวิจัยไปหลาย กว่า จะได้ รูปแบบ ที่ใช้ ลูกเหล็กกลม มาเป็นตัวหมุนพาหมึกออกมาที่เรียกกันว่า ball point pen ด้วยความที่หัวกลมทำให้ไหลลื่นเขียนง่ายลากไปทางไหนก็ได้ เด็กๆ เมืองไทย จึงเรียกปากกาแบบนี้ว่า ปากกาลูกลื่น และด้วยความที่หมึก นั้นเขียนมาแล้ว ไม่ต้องรอให้หมึกแห้งสนิท ก่อน จึงมีอีกชื่อหนึ่ง ที่ใช้เรียกปากกาแบบนี้ว่า ปากกาหมึกแห้ง ด้วย ช่วงนี้ ที่ลายมือเริ่มหลากหลาย เพราะความที่ ปากกาลากได้ดังใจ แต่ที่ฮิตในหมู่วัยสะรุ่นสมัยนั้นต้องเป็น โมนามิ (MONAMI) ปลายแหลมๆ ขนาด 0.5 มม. เขียนได้เส้นเล็ก ตัวหนังสือ ต้องผอมๆ สมัยนั้นใครไม่มี โมนามิ ถือว่า เชย

    ในทัศนะของข้าพเจ้้าว่า ยุคปากกาลูกลื่น นี่แหละ ที่ทำให้ตัวหนังสือ มีความหลากหลายกันมากขึ้น จนกระทั่งเข้าถึงยุค ที่เรียกว่า ยุคตัวหนังสือวัยรุ่น ที่เขียน หัวกลมๆ แล้ว ลากตัวหนังสือไม่สมบูรณ์ ขาดหางโน่นนิด นี่หน่อย ลามระบาด ไปทั่ว จนกลายเป็น นิยามของวัยรุ่นยุคนี้ว่า เป็นตัวหนังสือวัยรุ่น นักเรียนเรียนกันคนละโรงเรียน คนละอำเภอ แต่ตัวหนังสือเหมือนกัน เดิมระบาดในหมู่วัยรุ่นหญิง เมื่อเห็นตัวหนังสือแบบนี้ พออนุมานได้ว่า เป็น วัยรุ่นหญิงเขียน แต่ปัจจุบัน พอได้บ้างในวัยรุ่นชาย ยิ่งชายที่รักเป็นหญิง จะพบได้มาก

    เขียนไปเขียนมา ทำไมชักเลยเถิด
    ยาวพอจะเอาไปทำ review ของตัวเองเลยนะเนี้ยะ
    บทสรุปของตัวหนังสือ คือ เมื่อลายเส้นบอกนิสัยใจคอของคนเขียน เมื่อลายมือเหมือนกันของคนยุคนี้ ก็บ่งบอกว่า คนยุคนี้ คิดอะไรเหมือนๆกัน ยิ่งคนที่ถูกครอบงำด้วยสื่อ ก็จะถูกชักจูงให้ คิดเห็นและรู้สึกไปในทิศทางเดียวกัน กับเจ้าของสื่อ

    "ผู้ใดครองสื่อ ผู้นั้นครองโลก"

    ตอบลบ
  46. เห็นด้วย เห็นด้วย เห็นด้วย
    ลายมือแย่ลงเพราะดินสอกดกับปากกาลูกลื่นนี่แหละ
    ตอนนี้เรียนภาษาญี่ปุ่น คิดว่าจะเขียนตัวหนังสือไม่สวยก็เพราะดินสอกะปากกานี่แหละ
    ทั้งๆ ที่ถ้าอยากเขียนตัวคันสิให้สวย ก็ต้องหัดกะพู่กัน จิงป่ะ?

    (รำไม่ดีโทษปี่โทษกลองซะงั้น)
    ป.ล. ชอบปากกาหัวโตๆ อ่ะ มงนามี่ไม่มัก
    ชอบปากกายี่ห้อเรโนลด์กับบิ๊กอะ
    (แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ซื้อเลย ใช้แต่ของที่ได้ฟรีมา)

    ป.ล.(อีกที) สังเกตว่าปากกาลูกลื่นยุคนี้หมึกแห้งง่ายจัง ไม่รู้ว่าห่วยหรือเอาเปรียบผู้บริโภคเนอะ

    ตอบลบ