วันอังคารที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2551

Eternal Sunshine of the Spotless Mind: อยากลืมกันจริงๆ หรือ?

Rating:★★★★★
Category:Movies
Genre: Drama

คุณเคยอยากลืมใครสักคนไหม?

ใครที่อาจจะทำให้คุณโกรธ ทำให้เจ็บช้ำ หรือรู้สึกผิดมากจนไม่อยากเหลือความทรงจำเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป ไม่ แม้กระทั่งเรื่องดีๆ ที่เขาเคยทำ

ใครสักคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวที่คุณอยากให้มันไม่เคยเกิดขึ้นจริง

ดิฉันเองก็เคย

การโคจรมาพบกันของเราเกิดขึ้นในวันที่มวลอากาศร้อนในอกดิฉันลอยตัวสูง เปิดช่องให้มวลอากาศเย็นจากไหนก็ไม่รู้ก็พาเมฆและไอน้ำเคลื่อนเข้าแทนที่อย่างเร็ว

"พายุฤดูร้อน" นำพาความชุ่มชื้นและเม็ดฝนมาก็จริง แต่ขณะเดียวกันก็มาพร้อมลูกเห็บ ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ในความเร็วลมที่พร้อมพัดทำลายของที่ขวางหน้าอยู่ได้ราบเป็นหน้ากลอง

ตั้งนาน กว่าลม ฝน จะสงบ ฟ้าจะแจ่ม แล้วก็ทิ้งซากสภาพหลังพายุไว้ให้ช้ำใจ

บางทีถ้าดิฉันไม่ยอมให้มวลอากาศเย็นถาโถมเข้าใส่แบบนี้ แล้วเลือกอดทนอยู่นิ่งๆ สักพัก รอให้ความร้อนมันคลาย ละลายหายไปเอง ชีวิตก็อาจดำเนินไปได้อย่างสงบ แน่นอนว่าอาจจะไม่มีต้นไม้ใหม่แตกหน่อ ผลิดอก แทงยอดใหม่ หลังได้น้ำฝน แต่ต้นเก่าๆ ที่ยืนต้นมาหลายปีก็คงไม่หักโค่น เสียหาย ไม่มีซากปรักหักพัก รก สกปรก รอวันสะสางให้สะอาดเอี่ยม (เก็บมาตั้งนานแล้วยังไม่เอี่ยมเสียที)

การมาของพายุฤดูร้อนจึงไม่รู้ว่าเป็นการสร้างสรรค์หรือทำลายมากกว่ากัน

ตอนที่คนเราอยากตัดใจจากเรื่องบางเรื่อง ก็คงจะเข้าอีหรอบเดียวกับการเลิกจากอะไรบางอย่าง เช่น บุหรี่ กาแฟ แม้แต่เหล้า บางคนก็ใช่เทคนิคค่อยๆ ลด แล้วจึงเลิก บางคนก็หักดิบซะเลย

สำหรับดิฉันเอง พบว่า เวลาจะยุติความสัมพันธ์กับใครสักคนนั้น ใช้วิธีค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้ เพราะมันไม่ทันใจ ไม่เด็ดขาด และจะทำให้ตัดขาดไม่ได้เสียที ต้องใช้วิธีหักอกหักใจ ตัดกันไปเลย แรกๆ อาจแย่สักหน่อย แต่ถ้าทำได้ก็จะ recover จิตใจได้เร็ว

แต่อุปสรรคของการหักอกหักใจไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากความทรงจำ มันทั้งซึมซอกซ่อนอยู่ตามสมองในซอกหลืบต่างๆ ของสมอง (มักจะโผล่ออกมาหลอกหลอนเป็นประจำในยามหลับ และเมื่อเผลอไผลในยามตื่น) กับอีกที่ปรากฏตัวในรูปของสิ่งมีตัวตนอย่างบันทึก ไฟล์ภาพถ่าย รูปที่อัดมาแล้ว โน้ตที่เขาเขียนเขียนให้ ลูกบิดประตูห้องที่เขามาติดให้ แก้วที่เขาทำคู่ของมันแตก แม้กระทั่งแก้วกาแฟที่เคยชงให้เขากิน เพลงบางเพลง รวมทั้งเบอร์ของเขาที่เมมฯ ไว้ในโทรศัพท์เรา และทางกลับบ้านที่เคยเดินด้วยกัน

ทั้งที่สิ่งเหล่านี้ทำให้นึกถึงเรื่องเก่า แต่ดิฉันก็ไม่ได้ทิ้งมันไป ยังคงเก็บไว้ทรมานใจตัวเองเล่นๆ อย่างนั้น

เมื่อได้ดู Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004) ในวันที่อาการข้างเคียงจากปฏิบัติการหักอกหักใจเริ่มดีขึ้นนิดหน่อย ก็เลยเกิดสงสัยขึ้นมาว่า ถ้ามีบริการ erase ใครบางคนออกไปจากความจำของเราจริงๆ อย่างในหนังแล้ว จะมีใครสักกี่คนที่อยากจะไปลบคนบางคนให้หายเกลี้ยงไปจากความจำ

เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ความทรงจำที่แสนทรมานเหล่านั้นมันเป็นเรื่องที่เราหวงแหน อยากจะเก็บไว้ทรมานใจตัวเองเล่นๆ ในวันข้างหน้า จะอ้างว่าเอาไว้เป็นบทเรียนเตือนใจตัวเอง หรือเพื่อระลึกถึงวัยใสไร้เดียงสา อ่อนต่อโลกและความรักก็ตามแต่

ลึกๆ แล้วเราก็ยังอยากจะเก็บมันไว้กับเรา

แม้จะไม่ทราบว่าคนที่เราเคยอยากลืมเขา (แต่ยังไม่ลืม) จะลืมเราไปแล้วหรือไม่ก็ตาม





บันทึก:
Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004)
เป็นหนังที่ดูได้รอบแล้วรอบเล่าโดยไม่มีเบื่อ เพราะแต่ละรอบที่ดูก็จะพบรายละเอียดเพิ่มขึ้น และรายละเอียดเหล่านั้นก็ทำให้คนดูผู้มีประสบการณ์ร่วมยิ่งดิ่งลึกสู่ห้วงความรู้สึกของตัวเองเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่หนังที่ทำให้คนผิดหวังจากความรักเศร้ารันทดกว่าเดิม ในทางตรงกันข้าม มันจะช่วยเตือนให้เรากลับไปค้นหาความรู้สึกดีๆ ในความสัมพันธ์ สะกิดให้นึกถึงความประทับใจเมื่อแรกรู้จักกัน วันที่ต่างรู้สึกต่อกันโดยบริสุทธิ์ใจ โดยไม่มีข้อแม้ หรืออีโก้เข้ามาข้องเกี่ยว วันที่ยังไม่มีใครทำให้อีกคนเจ็บปวด ยังไม่คำพูดเชือดเฉือนทำร้ายความรู้สึกกัน

ดูหนังเรื่องนี้แล้ว บางทีคนที่เอาแต่จ้องจะตำหนิติเตียน บ่นว่าคนรักอยู่ตลอดเวลาจะได้ฉุกใจคิดว่า เออ ที่จริงที่เรารักเขาที่ตัวเขา ไม่ได้รักที่ความสมบูรณ์แบบซะหน่อย ดีไม่ดี จากที่อยากลืมๆ กันไป อาจจะอยากเริ่มต้นใหม่ดีๆ อีกสักหน (เช่นเดียวกับตัวละครในเรื่อง)

คุณค่าของหนังเรื่องนี้ยังอยู่ที่ความประณีตบรรจงในการร้อยเรียง เล่าเรื่องราว ผ่านบทภาพยนตร์อันยอดเยี่ยม (Charlie Kaufman) ที่มาจากพล็อตกินใจ และวลี Eternal Sunshine of the Spotless Mind จากบทกวีชื่อ 'Eloisa to Aberlard' ของ Alexander Pope เทคนิค สัญลักษณ์ และภาพที่เล่าเรื่องได้อย่างสุดเท่ เจ็บปวด และถึงความรู้สึก (เป็นการพิสูจน์ข้อปรามาสในตอนต้นว่า Michel Gondry ก็แค่ผู้กำกับ MV) การแสดงที่น่าประทับใจของทุกตัวละคร (ความสวยของ Kate Winslet และ Kirsten Dunst ) รวมทั้งเพลงประกอบด้วย

Eternal Sunshine of the Spotless Mind จึงเป็นหนังอีกเรื่องที่น่าลงทุนซื้อ DVD ติดบ้านไว้

สำหรับดูเพื่อเตือนความทรงจำบางอย่าง


10 ความคิดเห็น:

  1. เคยดูแว่บๆค่ะ ก็เลยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
    แต่เคยคิดเหมือนกันค่ะ
    ว่าเราทำให้สมองมีปุ่มdeleteก็คงจะดี

    ตอบลบ
  2. หนังดีท แรงบันดาลใจดี

    ตอบลบ
  3. เรื่องนี้ดูแล้วนึกถึงวนิลาสกาย เวอชั่น ออริจิ

    ตอบลบ
  4. ต่อด้วย เซ ฮัลโลฟอร์มี หนังยี่ปุ่นอิกเรื่อง ให้มันรู้กันไปว่าจะลืมรักได้ รักได้ง่ายขนาดนั้นรือ

    ตอบลบ
  5. โอ่ยม่ไหวละ อิน เด่วไปคุ้ย อะไรมากระชากก่อน

    ตอบลบ
  6. เจอละ รีดมายลิป ไปดูดีก่า

    ตอบลบ
  7. เอ่อ คุณ prd89 ขา
    รายนามที่คุณเอ่ยมานั้น เดี๊ยนไม่เคยดูเลยสักเรื่อง
    Vanilla Sky ที่ได้ดูเป็นเวอร์ชั่นเตียงหักเสียฉิบ

    แต่คุณทำให้ดิฉันนึกถึง Hable con Ella (Talk to Her) ล่ะ

    ตอบลบ
  8. เลยอยากดูอีกรอบเลย

    ตอบลบ
  9. กลัวจัง คนรู้ทันนี่

    ตอบลบ