วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2551

Love in the Time of Cholera: How long would you wait for the one you love?

Rating:★★★★
Category:Movies
Genre: Drama

คุณรอคนที่คุณรักได้นานแค่ไหน?

คำถามนี้คงทำเอาหลายคนอ้ำอึ้ง แต่อาจจะอึ้งกว่า ถ้ารู้ว่าผู้ชายคนหนึ่งรอนานถึง 51 ปี 9 เดือน กับอีก 4 วัน นับตั้งแต่วันแรกที่เขารักเธอ จนถึงกระทั่งวันที่ผัวของเธอตาย
(เอากับเขาไหมล่ะ?)

ไปดูหนังเรื่องนี้ในรอบห้าโมงครึ่งเมื่อวาน (ป่าวโดดงาน) เพราะรอบสองทุ่มครึ่งดูจะเลิกดึกไปหน่อย ดีใจมากที่ดูวันสุดท้ายที่หนังเรื่องนี้ยังฉายที่สกาล่า (รักสกาล่าที่สุด) ตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะสนุก เพราะเห็นเป็นหนังพีเรียด หน้าตานักแสดงก็ไม่คุ้นเอสเลย (นอกจากพี่ Javier (อ่านแบบสเปนว่า ฆาเบีย) Bardem ที่เพิ่งใส่วิกผมทรงม้อดเล่น No Country for Old Men-ซึ่งยังไม่ได้ดู)

ในโรงมีคนดูทั้งหมดประมาณ ๑๐ คน ฉายได้ประเด๋วเดียวก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องครื้น-ครื้น อยู่พักใหญ๋ ตะแรกคิดว่าเป็นซาวนด์เอฟเฟคท์ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยง เปรี้ยง

หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องไปช้าๆ ถึง passion ที่ตัวละคร Florentino Ariza มีต่อ Fermina Urbino (เล่นโดย Giovanna Mezzogiorno สาวสวย หน้าตาแนวหยิ่งสไตล์อังศุมาลิน และมีชื่อเหมือนสาวอิตาเลียน) และเนื่องจากเขาเล่าเนิบๆ ดิฉัน ซึ่งปวดหัวนิดหน่อย กับเหนื่อยเล็กน้อยเพราะอากาศร้อน และเมื่อคืนนอนดึก (ข้ออ้าง) ก็เผลองีบไปประมาณ ๓ นาที แต่กลับมาดูต่อได้สบาย แถมหันไปถามป้าหนุ่ยกับป้าอ้อยที่ไปดูด้วยกันได้อีก ก็อย่างที่บอก สกาล่าใหญ่ขนาดนั้น แต่มีคนดู ๑๐ คน ใครจะบ้ามาด่าชั้นวะ

เคยอ่าน Notebook ของ Nicolas Sparks (ชื่อไทยว่า ปาฏิหาริย์บันทึกรัก แปลโดย จิระนันท์ พิตรปรีชา) ไหม ดิฉันอ่านรอบแรกโดยยืมใครไม่รู้อ่าน และซึ้งจนกระทั่งต้องไปหาซื้อมาเป็นเจ้าของ (หนังสือซึ้งกว่าหนังมาก ขอบอก) นั่นเป็นเรื่องของคนคู่หนึ่งที่รักกันไปจนแก่ โดยที่ตอนแรกฝ่ายชายก็ต้องทนเจ็บช้ำกับหัวอกที่กลัดหนองเพราะถูกกีดกัน แต่ถ้านับว่านั่นเป็นการรอให้ฝ่ายหญิงเห็นใจ ก็ต้องบอกว่าเขารอแค่สิบกว่าปี ไม่นานเท่าไหร่
เรียกว่าเป็นเรื่องราวความซึ้งที่ออกแนว รันทด กินใจ

แต่การรอคอย Love in the Time of Cholera มันน่ารักแนวละตินน่ะ การที่เราจะรักใครสักคนหัวปักหัวปำ รักๆๆๆๆๆ หายใจเข้าหายใจออกเป็นเขา ลืมเขาไม่ได้ มันอาจจะเป็นเรื่องรันทดก็จริงอยู่ (จำได้ว่ามีตอนหนึ่งดิฉันหันไปถามป้าอ้อยว่า ทำไมมัน (ฟลอเรนติโน่) ไม่ฆ่าตัวตายพ้นๆ ไปเลยวะป้า?) แต่ระหว่างความรันทดนั้น มันมีความอิ่มเอมจากการทรมานตัวเอง การอยู่อย่างไร้สุข ที่อุทิศให้กับความรักที่มีต่อเธอผู้เมินมัน ความรันทดที่ได้รู้ได้เห็นว่าผู้หญิงที่ตัวเองรักมีความสุขกับสามีของหล่อนยังไง การระบายความรักที่คั่งอยู่ในอกออกมาในรูปของจดหมายรัก หรือพฤติกรรมการนอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้าจำนวนหลายร้อย (ว้าว! ตื่นเต้นจัง)

อ่านถึงตรงนี้คุณอาจรู้สึกว่า ยี๊ โรคจิต แต่ไม่ใช่นะ หนังไม่ได้เล่าแบบจิตๆ แต่เป็นเล่าแบบดูแล้วขำสลับกับน้ำตาซึมเพราะความเห็นใจ

เอาเหอะ หากคุณพอมีประสบการณ์ความเจ็บปวดเพราะไม่ถูกเลือกอาจะจะเข้าใจภาวการณ์ “จ่อมจม” ของฟลอเรนติโน่ได้บ้าง

สรุปคือ ความรักและการรอคอยในหนังเรื่องนี้เป็นแนวรักทรมาน ซึ่งถูกใจดิฉันนั่นเอง

Love in the Time of Cholera (2007) กำกับโดย Mile Newell สร้างจากนวนิยายของ Gabriel García Márquez นักเขียนเจ้าของรางวัลโนเบล (ร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว ไง) ซึ่งเขียนไว้ในปี 1985 มีชื่อในภาษาสเปนว่า ''El amor en los tiempos del cólera'' เป็นเรื่องที่น่าหลงรักกับเสน่ห์แบบละติน (เปาโล คูลเอลญูของบราซิลก็ด้วย)

ก่อนจะลงมือบันทึกความรู้สึกเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ดิฉันเจอข้อมูลแนะนำหนังสือโดย faylicity (ชีเขียนเก่งจริงๆ) ในหน้า http://www.faylicity.com/book/cholera.html และคัดมาให้อ่านนิดหน่อย ใครติดใจ ตามไปอ่านเพิ่มได้นะจ๊ะ
“...กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซเล่าเรื่องรักนี้ได้น่าประทับใจ ด้วยบทบรรยายตรึงอารมณ์ และอารมณ์ขันคมคาย เรื่องราวนี้พาเราย้อนไปถึงความรักและชีวิตของผู้คนที่เกี่ยวข้องเมื่อครึ่งศตวรรษก่อน เราอดจะเอาใจช่วยและขันในตัวฟลอเรนติโน หนุ่มที่มีความรักสุมหัวใจคนนี้ไม่ได้ เพราะเขาน่ารักมากจริงๆ เป็นกวีที่เขียนคำรักถึงหญิงสาวทุกวัน ทุกบรรทัดคือเปลวเพลิงที่แผดเผาใจ ยามอ่านจดหมายคนรัก ฟลอเรนติโนจะเคี้ยวดอกกุหลาบไปด้วย และเฝ้าอ่านแล้วอ่านเล่าทุกตัวอักษร จนกระทั่งสวนกุหลาบเกลี้ยงลง ยามดึกเขาจะสีไวโอลินให้สายลมนำทำนองหัวใจไปสู่เธอ ฟลอเรนติโนเคยถูกจับ เพราะออกมาเล่นไวโอลินในช่วงเคอร์ฟิว ตอนที่บ้านเมืองมีสงคราม ซึ่งเขาไม่รับรู้เพราะไม่ได้สนใจต่อโลกภายนอก ถึงจะถูกจับ เขาก็ยินดีถูกล่ามโซ่ตรวนจากอานุภาพของความรัก และเมื่อถูกบิดาของคนรักไสส่ง เขาบอกว่าพร้อมยอมตาย เพราะไม่มีการตายใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการตายเพื่อความรัก

“แต่แล้วความรักนี้ก็ไปไม่ได้อย่างฝัน ไวโอลินของฟลอเรนติโนอาบไปด้วยน้ำตา และเพลงที่เขาเล่นก็โศกเศร้า จนทำให้บรรดาสุนัขที่ได้ยินหอนโหยหวนไปทั่วเมือง และไม่ว่าฟลอเรนติโนจะจับปากกาเขียนอะไร แม้จะเป็นจดหมายธุรกิจ เนื้อความกลับเป็นบทกวีเปี่ยมอารมณ์ จนดูเหมือนเป็นเรื่องรักไปหมดสิ้น นายจ้างขู่ว่าถ้าฟลอเรนติโนยังเขียนจดหมายติดต่องานลักษณะนี้อีกต่อไป เขาจำต้องไปเปลี่ยนหน้าที่เป็นคนเก็บขยะแทน แต่ฟลอเรนติโนบอกว่ามีแต่เรื่องรักอย่างเดียวเท่านั้นที่อยู่ในความสนใจของเขา

“เมื่อฟลอเรนติโนเอ่ยปากบอกรักเฟอร์มินาอีกครั้ง ในงานศพของสามี เธอตอบว่า "ไปให้พ้น และอย่าได้เสนอหน้ามาอีก จนตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ ซึ่งฉันหวังว่าจะเหลืออีกไม่นาน" แต่เรารู้ว่าคำตอบเท่านี้ไม่อาจเปลี่ยนใจฟลอเรนติโนได้แต่อย่างใด

“สุดท้ายแล้ว ฟลอเรนติโนจะสมหวังในรักได้หรือไม่ ชีวิตของเขากับเฟอร์มินาผ่านครึ่งศตวรรษนั้นมาได้อย่างไร เวลาที่ผ่านไปจะทำให้หัวใจอันร้อนแรงรู้จักความรักที่เป็นเหตุผล และเข้าใจในรักได้อย่างไร ติดตามอ่านได้จากเรื่องราวความรักอัศจรรย์ในเล่มนี้”

บันทึก:
-ไม่แน่ใจว่าเวอร์ชั่นที่ได้ถูกหั่นฉากเซ็กซ์ไปมากแค่ไหน แต่ในบรรดาฉากเซ็กซ์ัอันสวยงาม (โดยไม่โจ๋งครึ่ม) ของหนังเรื่องนี้ คิดว่าฉากคืนแรกของการแต่งงานของเฟอร์มิน่ากับสามีเป็นฉากที่เซ็กซี่และร้อนแรงที่สุดเลย ชอบมาก
-Benjamin Bratt ที่เล่นเป็น Dr. Juvenal Urbino สามีของเฟอร์มีน่าเป็นหนุ่มละตินที่เซ็กซี่น่าจดจำมาก
-เรื่องราวของฟลอเรนติโน่กับแม่ก็เป็นอีกประเด็นที่น่าประทับใจ ลองคิดดู ถ้าคุณเป็นแค่แม่ม่ายจนๆ คนหนึ่ง แต่ลูกชายคนเดียวดันเกือบเสียคนเพราะไปรักผู้หญิืงอย่างหัวปักหัวปำ คุณจะแก้ปัญหาอย่างไร

35 ความคิดเห็น:

  1. อยากดูๆๆๆๆค่ะ แต่ไม่มีเพื่อนไปดูอ่ะ คงต้องรอออกเป็นแผ่นก่อนแน่ๆเลย

    แล้วถ้าเป็นพี่ม้อย พี่ม้อยจะรอคนที่รักได้นานแค่ไหนคะ? หุหุ

    ตอบลบ
  2. รักก็คือรัก ยังไงๆก็รัก ถ้ามีโอกาศรอ ก็อยากที่จะรอรัก ระยะทางไม่ใช่ความหมาย ปลายทางคือคำตอบ

    ตอบลบ
  3. อ่านจาก review แล้วไม่น่าเรียกว่าการรอคอยได้
    การที่รอคอยแล้วไปมีอะไรกะผู้หยิงนับร้อยเนี่ย (ไม่ว่าจะเลือกหรือไม่ก็ตาม) มันรอคอยตรงไหนเหรอ?
    การที่เขาได้สมหวังกับคนที่เขารักหลังจากรอคอยมาร่วม 50 ปี มันเป็นแค่การเติมเต็มช่องว่างของความฝันที่ยังโบ๋เบ๋อยู่รึป่าว คนเราถ้ามีโอกาสได้ทำอะไรอีกครั้ง หลังจากที่ครั้งแรกพลาดไป ไม่ว่านานแค่ไหน คนเราก็ยังอยากจะได้โอกาสนั้นอยู่ดี

    หมายเหตุ เนื่องจากยังไม่ได้ไปดู อาจจะตีความผิดพลาดได้ ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

    ตอบลบ
  4. การนอนกับผู้หญิงอื่น หรือผู้ชายอื่น ไม่ได้หมายความว่าเรานอกใจเขานะวนกร

    ไปดูซะ แล้วบางทีอาจจะเข้าใจหัวใจผู้ชายคนนี้มากขึ้น

    น้องปุ๊กคะ>>จะเห็นได้ว่าพี่อ้ำอึ้งไปนาน
    แต่จะตอบเดี๋ยวนี้ว่า อาจจะรักคนบางคนอยู่เสมอ
    แต่ไม่ได้รอใครทั้งนั้น

    ทุกวินาทีคือวินาทีที่ไม่เหมือนวินาทีอื่น
    ผ่านจากวินาทีนี้ไป ก็จะเป็นวินาทีใหม่
    ใครที่เราเดินจากมาแล้ว หรือเขาเดินจากเราไป
    แม้กลับมาเจอกันใหม่ ก็คงไม่ได้ฟีลลิ่งเดิม
    แต่จะรู้สึกดีๆ กันใหม่ได้หรือไม่ได้ พี่ก็ไม่ได้กะเกณฑ์อะไรนะคะ
    ไว้เจอกันแล้วก็รู้

    พี่เอง แม้จะคิดถึงแฟนเก่าและผู้ชายคนโน้นคนนี้ตลอดเวลา
    แต่หัวใจพี่อยู่กับตัวเอง
    วันไหนลงตัวกับใครก็อย่างนั้นแหละน้อง

    หรือถ้าไม่เจอใคร หัวใจมันก็จะได้อยู่ที่เดิม ไม่หล่นหาย หรือติดไปอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่า

    ....
    เพ้อเพราะแดดหรือป่าวเนี่ย?

    ตอบลบ
  5. อ่านที่พี่ม้อยเขียนทีไร ก็แอบซึ้งทุกทีอ่ะ ชอบจังค่ะ

    ตอบลบ
  6. วันนี้ก็เข้ามาอ่านหน้านี้อีกแล้วหล่ะ เมื่อเย็นเดินผ่านหน้าโรงหนังสกาล่า แต่ก็ยังไม่มีโอกาสเลี้ยวเข้าไปดูอีกนั่นแหละค่ะ เฮ้ออออออ

    ตอบลบ
  7. น้องปุ๊ก อย่าเครียด
    ดูในโรงไม่ทันรอเช้าแผ่นมาดูกับเพื่อนที่บ้านก้อด้ายจ้า

    ตอบลบ
  8. ผมว่า แค่ขาดใครไม่ได้เท่านั้นเอง ถ้าแน่จริง รักจริง ทำไมไม่เป็นโสดรอไปหล่ะ

    ตอบลบ
  9. แล้วคุณล่ะ
    รอยังไง?

    รอแบบขาดได้ หรือ รอแบบขาดไม่ได้?




    (เอ๊ะ ถามแบบนี้เปรี้ยวไปไหม???)

    ตอบลบ
  10. อาจจะไม่รอด้วย รอทำไม

    ตอบลบ
  11. อุ๊ยคุณน้อง...พี่แอบแวะตามมาจากบ้านโอ๊ตอุดมตะกี๊....ตอนแรกกะshare เหมือนกันพอเจอท่านคุยกันแนวๆๆๆมั่กๆ อะฮั้นขอตัวกลับไปบ้านตัวเองก่อนค่ะ ....แต่พี่ก็เคยมีนะน้องแบบว่ารออยู่ตั้ง 5 ปีพอได้กิ๊กกันหน่อยนึง...แล้วก็ใส่ converse เดินคนละทาง แต่พี่ก็ยังเพี้ยนนั่งเขียน postcard ส่งให้ข้างเดียวต่ออีก 6-7 ปีแล้วก็ไม่มีใครเลยยืนยงมากๆ....สรุปมันคืออาการบ้าน่ะน้อง...สิริรวม 11-12 ปี.....คนแต่งงานกันสมัยนี้ยังอยู่ด้วยกันไม่ถึง 4-5 ปีเลยก็หย่ากันซะแล้ว...

    ชีวิตของเราดูแลตัวเราให้ดีก่อนเหมือนเวลาเครื่องบินเกิดเหตุฉุกเฉินต้องใส่หน้ากากให้ตัวเองก่อนแล้วถึงไปช่วยคนข้างๆ....บางทีไอ้ทีรอๆเนี่ยมันมีจินตนาการทางบวกไงเลยอดทนอยู่ได้แต่ในความเป็นจริงอยู่ด้วยกันอาจตบกันตายทู้กวันก้ได้นะ

    ตอบลบ
  12. คือที่ถอนหายใจอ่ะ อยากมีคนไปดูด้วยอ่ะค่ะ คิกๆๆๆ

    ตอบลบ
  13. พี่คะ

    หนูเองก็เคยบ้ารักผู้ชาย(ที่ก็น่าจะรู้ว่าไม่มีหวัง)หัวปักหัวปำอยู่ตั้ง ๗ ปี
    โคตรบ้า โคตรทุ่มเท โคตรโง่ โคตรเปลือง โคตรเจ็บ ฯลฯ
    แต่หนูว่า หนูขอบคุณเค้านะพี่
    ถ้าไม่มีเค้า หนูจะไม่ได้รู้จักหรอก ว่าเวลาที่เรารักใครจนบ้าน่ะ มันเป็นยังไง ทำได้ขนาดไหน
    ทำใจจากเค้าได้แล้วก็ยังรักเค้าอยู่หรอกพี่ แต่ว่าความบ้ามันเปลี่ยนรูปไป

    ถอยห่างออกมา
    แต่ก็ไม่ได้รอเค้านะคะ

    พอตาสว่างแล้วก็รักชีวิตอะคะพี่ มันฟีลประมาณ ตื่นเช้าขึ้นมาวันนึงแล้วบอกตัวเองว่า
    "I love my life." อ่ะ

    ตอนนี้รักทุกนาทีของชีวิตเลยพี่ รักคนรอบๆ ตัวด้วย
    อายุมากขึ้นอาจจะทำให้เข้าใจชีวิต เข้าใจโลกมากขึ้นมั้งคะ

    เป็นข้อดีน้อยนิดของการมีอายุมากขึ้นของลูกผู้หญิงนะ พี่เจเจว่าป่าว?

    ตอบลบ
  14. แหม๋...
    ลองชวนวนกรสิคะ
    ดูแล้วจะได้เข้าใจว่าทำไมฟลอเรนติโน่ถึงรอ ๕๑ ปีกว่าแบบถือเวอร์จิ้นไม่ไหว

    เหอ เหอ

    ตอบลบ
  15. น่าชมมากเลยพี่ อ่านรีวิวมาบ้าง พอเห็นว่าเป็นผลงานของการ์เบรียล แล้วอยากดู เพราะตามเอ๊ยแกมาตั้งแต่ 100 ปีแห่งความโดดเดี่ยว

    ออกแนวมาโซคิสต์ชอบความเจ็บปวด น่าดู อ่านแล้วจี๊ดใจ เพราะตอนนี้ก็ยังรักใครคนหนึ่ง มา 3 ปีแล้ว จนเขามีแฟนไปแล้วก็เออ ดีใจด้วย เจ็บ ๆ คัน ๆ ดี

    ตอบลบ
  16. เอิ่ม..
    กลายเป็นบล็อกสารภาพรัก(รอบ้าง-ไม่รอบ้าง)ไปโดยไม่ได้ตั้งพระทัยนะคะเนี่ย

    (เหอ เหอ)

    เอ้า ใครจะสารภาพอะไรอีกก็บอกมาได้เลย

    ตอบลบ
  17. อะไรๆในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง ไม่คอมเม้นหล่ะกันค่ะ เพราะชีวิตจริงของคนเราถ้าเป็นอย่างโน้นอย่างนี้มันมีเหตุผลเสมอค่ะ ไม่มีมาตรฐานวัด คุณม้อยว่ามะ

    ตอบลบ
  18. ชอบดูหนังเหมือนกันเลย หนังเรื่องนี้อยากดูมากตั้งแต่เห็น trailer แล้ว เพราะเคยเห็นในห้องพันทิป - ห้องสมุด ได้วิจารณ์ หนังสือเรื่องนี้ไว้เยอะ แต่ยังไม่มีใครแปล กลายมาเป็นหนังเสียแล้ว รอหนังแผ่นออกมา จะตามดูเช่นกันค่ะ อยากรู้ว่า รอ รัก 51 ปี เป็นยังไง ฟังดูก็โรแมนติกเนอะ แต่ชีวิตจริงไม่รู้มีให้เห็นไม๊

    เข้ามาอ่านข้อคิดเรื่องความรักในหลายๆแง่ด้วยค่ะ ได้ข้อคิดกลับไปเพียบ ขอบคุณที่คุณ mois แนะนำหนังเรื่องนี้นะคะ ไม่กล้าอ่าน สรุปรายละเอียดทั้งเรื่อง กลัวดูหนังไม่สนุกค่ะ ให้ไป 5 ดาวก่อนละกัน อิอิ

    ตอบลบ
  19. พี่ม้อย review ได้แจ่มแจ๋วจริงๆ อยากดูเพียงแค่อ่านคำโปรยเลยค่ะ ... ต้องดูๆ

    ตอบลบ
  20. มาอ่าน Review ค่ะ และได้คำตอบว่า ถ้าเค้ามีความสุขไปแล้วคงไม่รอ (ถึงเค้าไม่มีความสุขก็ไม่รอ) เพราะ I love my life. ค่ะ ชีวิตมีเรื่องอีกมากมายให้ต้องค้นหาและศึกษา ถ้าเสียเวลาไปเพราะเรื่องเดียว ก่อนตายคงนอนร้องไห้ว่า ชั้นยังไม่ได้ทำไรอีกตั้งหลายอย่าง

    ตอบลบ
  21. อยากให้หลายคนคิดได้อย่างนี้
    แต่ของแบบนี้ ต้องรอให้เค้าคิดได้เองเนอะ
    คนมันจะจมจ่อมกะบ่อทุกข์ ต่อให้เอาช้างไปฉุดมันก็ไม่ยอมขึ้นจากบ่อนั่นดีๆ หรอก

    ตอบลบ
  22. แต่การรอคอยคนที่รัก ไม่ได้แปลว่าจะค้นหาและศึกษาอะไรมากมายบนโลกไม่ได้เสมอไปหรอกคุณนาย

    ตอบลบ
  23. อันนี้พี่ก้อเห็นด้วย

    ตอบลบ
  24. หมายถึงว่า เมื่อเรารอคอยแต่ความรักจากคนที่เรารักโดยไม่รู้อนาคต มันมักจะทำให้เรามองเรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องรองน่ะ อันนี้..เดี๋ยวก่อน อันนั้น..ค่อยก่อน สุดท้าย..เรื่องบางเรื่อง โอกาสบางโอกาส มันก็จะไม่รอเรา เพราะเรามัวแต่จดจ่ออยู่กับความรักที่ไม่รู้คำตอบ

    ตอบลบ
  25. ชอบรีวิว และความคิดของผู้เขียนค่ะ แต่รักที่ขาดสติ รักที่สุดโต่ง มันทำให้รู้สึกน่ากลัวมากนะ ถ้าเราโดนคนสุดโต่งรอรักแบบนี้มารักเรา คงกลุ้มใจ เพราะการที่เค้ารักเรามากและรอคอยเรานานเนิ่นนาน ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องให้รักกลับคืน จริงๆไม๊ ถ้าไม่ได้รับรักตัวเองคงจะเดินหน้าต่อ ไม่น่ารอหรอกเพราะหนทางอันยาวไกล ยังไม่หลายคนน่าสนใจให้ค้นหา

    ตอบลบ
  26. ใช่ค่ะ อีตาฟลอเรนติโน่ที่ตามรักนางเอกอยู่ห้าสิบกว่าปี ในสายตาชาวบ้านและสายตาเธอคนนั้น แทนที่จะเป็นคนเท่ แต่กลับดูคล้ายคนเป็นโรคประสาทหาน้อยไม่

    ไอ้เรื่องรอ ไม่รอ เนี่ย ใครจะไปกำหนดใจตัวเองได้น้อ?
    บางทีไม่อยากจะรอ อยากจะ go on แล้ว แต่ใจมันก็ยังติดบ่วงกรรม เหมือนถูกล่ามโซ่ติดเสา
    แต่กับบางคน หัวใจที่น่าจะอยู่กับที่ กลับโบยบินหนีไปเที่ยวที่อื่น ไปติดใจที่อื่นซะงั้น

    ยังไงก็ตาม
    อกหักดีกว่ารักไม่เป็นนะคะ

    ตอบลบ
  27. รอเค้าได้นานแค่ไหนอ่ะเหรอ?

    ก็ไม่ได้รอ...เพราะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้...เวลาดีๆมันผ่านไปแล้ว..เป็นแค่ประวัติศาสตร์หน้านึงที่ย้อนกลับไปเขียนใหม่ไม่ได้
    เรื่องความสัมพันธ์มันยากจะอธิบาย..ถ้าคนนึงคิดว่ามันควรจะจบ..มันก็คงดีแล้วมั๊งที่มันจบ ไม่มีประโยชน์ที่จะยื้อไว้ เพราะสิ่งที่เค้าเลือกก็คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเค้า ณ ตอนนั้นแล้วหล่ะมั๊ง

    แต่ถ้าถามว่าจะรักเค้าไปอีกนานแค่ไหน..อันนี้ตอบไม่ได้เหมือนกัน..ก็รักไปเรื่อยๆ มั๊ง..ไม่แน่วันนึงอาจจะเปลี่ยนไป
    เพราะคนเราเปลี่ยนได้ทุกวัน..แต่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะถึงจุดเปลี่ยนเมื่อไหร่..หน่ะ สุดแต่กรรมเวร..

    ตอบลบ
  28. เฮ่อออออออออออออออออออออออ

    (หายใจออกแบบโยคะ)

    ตอบลบ
  29. เขียน review ได้น่าติดตามจริงเลยครับ
    ชอบอ่าน
    เค้าบอกว่าคนที่เขียนเยอะนี่เป็นผลพวงมาจากการอ่านเยอะ แสดงว่าที่บ้านหนังสือคงจะเยอะมากซิครับ ใช่มั๊ย

    ..........
    สำหรับหนังเรื่องนี้ยังไม่ได้ดูเลยครับ ช่วงนี้ไม่ได้ดูอะไรเลย
    เคยดูหนังเรื่อง Lolita เป็นหนังเก่าแล้วทำได้ดีมากเลยครับเรื่องของหัวใจนี่เค้าบอกว่า "รักมันออกแบบไม่ได้" ท่าจะจริงนะ

    ตอบลบ
  30. ดิฉันก็อ่านหนังสือระดับธรรมดา
    ติดจะออกแนวอ่านเรื่องเก่าไม่ทันจบก็หยิบเล่มใหม่ซะด้วย ส่วนใหญ่ก็เลยจะอ่านไม่ค่อยจบ

    เคยดูโลลิต้าเหมือนกัน เวอร์ชั่นน่าจะไม่เก่ามาก
    ชอบมากอยู่
    อยากอ่านโลลิต้าไหมล่ะ
    ดิฉันมี อันนี้อ่านจบแล้ว

    ป.ล. ดิฉันก็ชอบอ่านที่คุณเขียนเหมือนกัน ทั้งๆ ที่อ่านบล็อกได้ไม่เท่าไหร่ แต่อ่านแล้วรู้สึกว่าคุณเป็นคนมีมิติดีิ คิดเอาเองจากรูปในอัลบั้มของคุณ ซึ่งมันดูจะเป็นอีกมิติที่แตกต่างอะนะ

    ตอบลบ
  31. เคยดูแต่ในหนังครับ แต่ยังม่เคยอ่านหนังสือ

    แต่ว่าแต่ว่า ตัวเลข หญิงสาวที่ผ่านมาในชีวิต 622 เนี่ย มันน่าอึ่งจริง ๆ

    ตอบลบ
  32. ชอบการเขียน ของเจ้าของบ้าน มันทำให้อะไรๆ ดูเรียบง่าย แต่ชวนให้ไปแสวงหาหนังแผ่นมาเปิดดู

    ตอบลบ
  33. ชอบมากนัก เด๋วเก็บตังค์ค่าอ่านซะเรย

    ตอบลบ